เฟรงกี้ เดอ ย็องไม่เห็นด้วยโยกเกม ลาลีกา ไปเตะกันที่สหรัฐฯ

Browse By

ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลสเปนกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากนโยบายใหม่ของ ลาลีกา ซึ่งมีแนวคิดจะนำบางแมตช์ของฤดูกาลไปแข่งขันที่ต่างประเทศ ล่าสุดประเด็นร้อนกลับปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อ เฟรงกี้ เดอ ย็อง กองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ของ บาร์เซโลน่า ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจนต่อแนวคิดที่เกมระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ บียาร์เรอัล จะถูกโยกไปเตะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมิดฟิลด์ตัวเก่งรายนี้ยืนยันว่า ฟุตบอลสเปนควรอยู่ในบ้านของมัน และการเปลี่ยนสถานที่แข่งขันเพื่อเหตุผลทางการตลาดอาจทำลายจิตวิญญาณของลีกในระยะยาว

ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจาก ลา ลีกา ประกาศความเป็นไปได้ในการนำเกมบางคู่ของฤดูกาล 2025/26 ไปจัดแข่งขันในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานแฟนบอลในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในวงการฟุตบอลโลก โดยมีรายงานว่าหนึ่งในเกมที่ถูกพิจารณาคือแมตช์ระหว่างบาร์เซโลน่าและบียาร์เรอัล ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้เล่นและแฟนบอลจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะในฝั่งของบาร์เซโลน่าที่มองว่า นี่คือการลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของการแข่งขันภายในประเทศ

เดอ ย็อง ให้สัมภาษณ์กับสื่อสเปนอย่าง Mundo Deportivo ว่า “ผมเข้าใจดีว่าฟุตบอลคือธุรกิจ และลีกต้องการขยายตลาด แต่ผมไม่คิดว่าการพาเกมลีกไปเล่นนอกประเทศคือสิ่งที่ถูกต้อง ฟุตบอลลาลีกามีประวัติศาสตร์ยาวนานและผูกพันกับแฟนบอลชาวสเปน การตัดสินใจแบบนี้อาจทำให้เราสูญเสียสิ่งที่ทำให้ลีกแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่น”

กองกลางชาวดัตช์รายนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับผม ฟุตบอลคือการแข่งขันที่ยุติธรรม ทุกทีมควรได้เล่นในสนามของตนเองต่อหน้าแฟนบอลของพวกเขา นั่นคือหัวใจของลีกในประเทศ ถ้าเราย้ายเกมไปเล่นต่างแดน มันจะไม่ใช่ลีกภายในประเทศอีกต่อไป มันกลายเป็นโชว์มากกว่าการแข่งขันจริง”

คำพูดของเดอ ย็องได้รับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมหลายคน รวมถึงผู้จัดการทีม ชาบี เอร์นานเดซ ที่เคยแสดงท่าทีในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ โดยชาบีเคยกล่าวในงานแถลงข่าวว่า “ฟุตบอลลาลีกามีเสน่ห์ตรงที่แต่ละสนามมีเอกลักษณ์ มีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนั้น ๆ การโยกเกมออกนอกประเทศอาจทำลายสมดุลนั้นไป” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดร่วมกันของสโมสรบาร์เซโลน่าที่ต้องการปกป้องรากเหง้าทางฟุตบอลของตนเอง

ในอีกด้านหนึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ก็มีท่าทีระมัดระวังต่อแนวคิดนี้เช่นกัน เพราะในอดีตลาลีกาเคยพยายามจะจัดเกมระหว่างบาร์เซโลน่ากับคิโรน่าในไมอามีเมื่อปี 2019 แต่ถูกปฏิเสธโดยฟีฟ่า เนื่องจากขัดต่อกฎของการแข่งขันในประเทศ และก่อให้เกิดความไม่พอใจจากแฟนบอลสเปนจำนวนมากที่มองว่าการพยายามนำเกมไปต่างประเทศคือการขายจิตวิญญาณของฟุตบอลให้กับผลประโยชน์ทางธุรกิจ

แม้จะมีเสียงคัดค้าน แต่ทางผู้บริหารของลาลีกานำโดย ฆาเบียร์ เตบาส ยังยืนยันว่าการขยายตลาดไปต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สร้างฐานแฟนบอลทั่วโลกไปก่อนหน้าแล้ว เขามองว่าสเปนต้องตามให้ทันในเชิงการตลาดและการเงิน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของลีก

เตบาสกล่าวว่า “เราต้องมองฟุตบอลในฐานะอุตสาหกรรมระดับโลก การแข่งขันนอกประเทศไม่ใช่แค่เรื่องการตลาด แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลีกสเปนกับแฟนบอลทั่วโลก” คำพูดนี้สะท้อนถึงแนวทางเชิงธุรกิจที่ชัดเจนของผู้บริหารลาลีกา แต่ในทางกลับกันก็จุดประกายให้เกิดการถกเถียงครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลสเปน

บรรดาแฟนบอลในชุมชนของ สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม วิเคราะห์ว่าความเห็นของเดอ ย็องสะท้อนเสียงของผู้เล่นระดับอาชีพที่เข้าใจคุณค่าของเกมฟุตบอลมากกว่าแค่เม็ดเงิน พวกเขามองว่าการแข่งขันที่ย้ายออกจากประเทศอาจทำลายความศรัทธาของแฟนบอลท้องถิ่น และสร้างความไม่สมดุลในการแข่งขัน เพราะทีมที่ได้เล่น “เหย้า” แต่ต้องไปเตะต่างแดน ย่อมเสียเปรียบทางสภาพแวดล้อมและแรงสนับสนุน

ในมุมมองของแฟนบอลบาร์ซ่า พวกเขารู้สึกว่าการเล่นในสนามคัมป์นูหรือสนามชั่วคราวมอนต์จูอิกไม่ใช่แค่เรื่องสถานที่ แต่มันคือ “บ้าน” ที่มีความหมายทางอารมณ์ การเล่นในต่างประเทศอาจทำลายสายสัมพันธ์ระหว่างทีมกับแฟนบอลที่ภักดีมาหลายสิบปี โดยเฉพาะแฟนบอลในแคว้นกาตาลุนญาที่มองว่าบาร์เซโลน่าคือตัวแทนของอัตลักษณ์ท้องถิ่น การนำเกมไปเล่นในต่างแดนจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในเชิงวัฒนธรรม

ในด้านเศรษฐกิจ แม้จะมีข้อโต้แย้งว่าเกมที่สหรัฐฯ จะช่วยสร้างรายได้มหาศาล ทั้งจากการขายบัตร การถ่ายทอดสด และสปอนเซอร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายกลับมองว่า รายได้ระยะสั้นเหล่านี้อาจไม่คุ้มกับผลกระทบทางจิตใจและความภักดีของแฟนบอลที่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง นักวิเคราะห์ของ ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุดระบุว่า หากลีกต้องการเติบโตในตลาดต่างประเทศ ควรใช้วิธีสร้างความร่วมมือกับสโมสรท้องถิ่นหรือการเปิดอะคาเดมีในต่างแดนมากกว่า การย้ายแมตช์การแข่งขันจริงออกนอกประเทศ

เฟรงกี้ เดอ ย็อง ยังกล่าวต่อว่า “ผมเข้าใจว่าแฟนบอลในอเมริกาก็รักฟุตบอลและอยากเห็นบาร์เซโลน่าลงสนามต่อหน้า แต่เราสามารถทำได้ในเกมพรีซีซั่นหรือทัวร์อุ่นเครื่อง ซึ่งไม่กระทบต่อความเป็นธรรมของลีก การแข่งขันในประเทศควรอยู่ในประเทศ” คำพูดนี้ได้รับเสียงปรบมือจากแฟนบอลบาร์เซโลน่าบนโซเชียลมีเดียอย่างล้นหลาม และมีการติดแฮชแท็ก #KeepLaLigaHome ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในทวิตเตอร์

นอกจากนี้ยังมีเสียงจากผู้เล่นสโมสรอื่นร่วมสนับสนุน เช่น ดานี่ ปาเรโฆ่ กองกลางบียาร์เรอัลที่มีส่วนในเกมนี้ก็ให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องคิดถึงแฟนบอลของเราก่อน พวกเขาซื้อบัตรปี ซื้อเสื้อทีม และอยู่กับเรามาตลอด การย้ายเกมไปเล่นอีกซีกโลกเป็นสิ่งที่ทำร้ายหัวใจแฟนบอล” ซึ่งคำพูดนี้ยิ่งตอกย้ำความไม่เห็นด้วยของผู้เล่นส่วนใหญ่ต่อแนวคิดดังกล่าว

ในขณะที่บางฝ่ายในสเปนมองว่าการจัดเกมในต่างประเทศเป็นโอกาสในการโปรโมตลีก แต่ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลเชิงกลยุทธ์หลายคนกลับเตือนว่า การย้ายเกมจะทำให้ตารางแข่งขันซับซ้อนขึ้น เช่น เรื่องเวลาเดินทาง ความล้าของนักเตะ และความแตกต่างของสภาพภูมิอากาศที่อาจกระทบต่อคุณภาพของเกมการแข่งขัน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ผู้บริหารอาจมองข้าม

บาร์เซโลน่าเองในฐานะสโมสรยักษ์ใหญ่ มีภารกิจมากมายทั้งในประเทศและระดับยุโรป การเดินทางไปเล่นที่สหรัฐฯ ในช่วงกลางฤดูกาลอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความฟิตของนักเตะและตารางการฝึกซ้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาบีและทีมสตาฟฟ์ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในฤดูกาลที่พวกเขาต้องการกลับมาทวงแชมป์ลาลีกาคืนจากเรอัล มาดริด

ในเชิงการเมืองของฟุตบอล สถานการณ์นี้ยังสะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างผู้บริหาร ลาลีกา และสโมสรใหญ่ในสเปนที่มักมีแนวคิดไม่ตรงกัน เช่น บาร์เซโลน่าและเรอัล มาดริดที่ไม่เห็นด้วยกับบางนโยบายของเตบาสมานานแล้ว โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์ทางการเงินและข้อตกลงร่วมกับกองทุน CVC ซึ่งทั้งสองสโมสรเลือกไม่เข้าร่วม โครงการการย้ายเกมไปต่างประเทศจึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่อาจทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญใน ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุดพวกเขาวิเคราะห์ว่า การออกมาพูดของเดอ ย็องครั้งนี้มีนัยทางสังคมที่สำคัญ เพราะเขาไม่ได้พูดเพียงในฐานะนักเตะของบาร์เซโลน่า แต่ในฐานะตัวแทนของผู้เล่นที่เห็นคุณค่าของฟุตบอลในเชิงวัฒนธรรมและความรู้สึก มากกว่าผลกำไรเชิงพาณิชย์ เสียงของเขาจึงมีพลังในการสะท้อนให้ผู้บริหารลีกทบทวนแนวทางอีกครั้ง

เมื่อมองในภาพรวม การถกเถียงเรื่องการย้ายเกมไปต่างประเทศไม่ได้เป็นเพียงประเด็นในสเปนเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในลีกอื่น ๆ เช่น พรีเมียร์ลีกที่เคยมีแนวคิด “Game 39” หรือแม้แต่เซเรีย อา ที่เคยพูดถึงการจัดซูเปอร์คัพในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งก็ถูกวิจารณ์ในลักษณะเดียวกันว่าเป็นการทำลายจิตวิญญาณของฟุตบอลภายในประเทศเพื่อแลกกับผลประโยชน์ระยะสั้น

ในท้ายที่สุด คำถามใหญ่ที่แฟนบอลทั่วโลกกำลังตั้งคือ ฟุตบอลควรเดินหน้าไปในทิศทางใด? จะยังคงเป็นกีฬาที่ขับเคลื่อนด้วยความรักและความผูกพันของผู้คน หรือจะกลายเป็นเพียงสินค้าทางธุรกิจที่ถูกกำหนดโดยตัวเลขรายได้และสปอนเซอร์ หากวันหนึ่งเกมลีกในประเทศต้องไปเล่นข้ามทวีป นั่นอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหวนกลับ

เฟรงกี้ เดอ ย็อง ทิ้งท้ายไว้ในบทสัมภาษณ์ว่า “ผมหวังว่าผู้มีอำนาจจะฟังเสียงของนักเตะและแฟนบอล เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน ถ้าเราทำลายความรู้สึกนั้น มันจะไม่ใช่ฟุตบอลอีกต่อไป” คำพูดนี้สั้นแต่ทรงพลัง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการยืนหยัดเพื่อคุณค่าของเกมที่แท้จริง